วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มัมมี่กรีดร้อง แห่ง ประเทศอียิปต์ : 
Screaming Mummy






ภาพมัมมี่ที่แสดงสีหน้ากรีดร้องเจ็บปวดโหยหวน มือเท้าถูกมัด ยังคงตรึงอยู่ในใจผู้ที่พบเห็น จึงได้มีการศึกษากันว่า เจ้าของมัมมี่ผู้นี้คือใครกันแน่?
 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1886 Gaston Masperro อธิบดีกรมศิลปากรอียิปต์ ได้ทำการเปิดผ้าพันมัมมี่ของฟาโรห์และราชินีกว่า 40 มัมมี่ ออกมาดู ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นมัมมี่ที่พบจากสุสาน ในหุบเขาแดร์ เอลบาห์รี เมื่อค.ศ.1881 มัมมี่ที่ถูกค้นพบนี้มีทั้งของฟาโรห์รามเสส ฟาโรห์เซติที่ 1 ฟาโรห์ทัตโมสิสที่ 3แต่มีมัมมี่เพียงหนึ่งเดียวที่แตกต่างไปจากมัมมี่อื่นๆ มันคือที่มัมมี่โลงศพไม่มีการตกแต่งลวดลายใดๆ ไม่ได้มีการจารึกเบาะแสว่าเป็นใคร และเมื่อเปิดโลงดูทุกคนที่พบเห็นก็ต้องตกตะลึงสะพรึงตา เพราะสิ่งที่ใช้พันมัมมี่ตนนี้คือหนังแกะหรือไม่ก็หนังแพะ ถือว่าเป็นวัสดุที่ไม่บริสุทธิ์ตามความเชื่อของการทำมัมมี่ในสมัยโบราณ มีแต่คนที่ไม่บริสุทธิ์ ที่เคยทำชั่ว ทำเลวเท่านั้น ถึงจะถูกพันด้วยหนังสัตว์...
มัมมี่ตนนี้เป็นเพศชาย และมีสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวด การที่ไม่มีจารึกใดๆ อาจจะหมายความว่า บุคคลผู้นี้จะต้องถูกสาปแช่งไปตลอดกาล เนื่องจากชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า การบ่งบอกว่ามัมมี่เป็นใครนั้น จะทำให้วิญญาณได้ก้าวเข้าไปสู่ชีวิตหลังความตาย พวกเขาจึงตั้งชื่อมัมมี่ปริศนานี้ว่า "Man E"
     เป็นเวลาเกือบ 130 ปี หลังจากพบ "Man E"คณะนักวิทยาศาสตร์ต่างก็ใช้เทคโนโลยีล่าสุด ทั้งซีทีสแกน เอกซเรย์ เทคโนโลยีการสร้างหน้าใหม่ เพื่อสืบดูว่า "Man E" คือใคร ทำไมถึงถูกประณามสาปแช่งเช่นนี้....เชื่อว่า "Man E" น่าจะไม่ตายโดยธรรมชาติ เขาคงจะถูกสังหารด้วยยาพิษและใบหน้าที่แสดงออก น่าจะมาจากความทุกข์ทรมานก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั่นเอง มีหลายทฤษฎีที่ระบุตัวตนของ "Man E" ทั้งมีผู้เชื่อว่า "Man E" คือ เจ้าชาย Pentewere พระโอรสของฟาโรห์รามเสสที่ 3 ผู้สมคบคิดกับพระมารดาของเขาเองคิดการกบฏ ด้วยการลอบสังหารของฟาโรห์รามเสส แต่ถูกจับได้เสียก่อนจึงได้รับโทษทั้งยังมีผู้เชื่อว่า "Man E" คือผู้ว่าการนครอียิปต์ แต่เสียชีวิตขณะอยู่ต่างแดน มีการนำศพกลับมายังอียิปต์เพื่อทำการฝัง มีผู้เชื่อว่าลักษณะการทำมัมมี่บ่งชี้ว่า "Man E" ไม่ใช่ชาวอียิปต์ แต่เป็นสมาชิกราชวงศ์ฮิตทิต ศัตรูของราชวงศ์อียิปต์โบราณ โดยพระนาง Anaksunamun พระชายาม่ายของฟาโรห์ Tutankhamen ที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป เขียนจดหมายไปหากษัตริย์ของราชวงศ์ฮิตทิต 

เพื่อขอให้พระองค์ส่งเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่งมาอภิเษกกับพระนาง แลกเปลี่ยนกับเจ้าชายจะได้รับการยกย่องให้เป็นฟาโรห์ของอียิปต์ ส่วนพระนาง Anaksunamun จะได้มีอิทธิพลอยู่ต่อไป แต่เมื่อเจ้าชายเดินทางมาถึงอียิปต์แล้วกลับถูกปลงพระชนม์
ที่มา : musicmp3.my.id/y-download/06elHH9644A/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น